วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

























5 วิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร โดย ดร.แพง ชินพงศ์

สมองเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกายของคนเราที่มีความสำคัญมาก เปรียบเหมือนกองบัญชาการควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกายมากมายหลายระบบ ทั้งระบบความคิด ความจำ อารมณ์ พฤติกรรม และรักษาความสมดุลของระบบภายในร่างกาย เช่น ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สมองของคนเรามีการพัฒนาตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า เซลล์ของระบบประสาทสมองจะเพิ่มขึ้นถึง 200,000-300,000 เซลล์ในทุก ๆ นาที จนถึงเวลาที่เด็กคลอดออกมาจากครรภ์มารดาเด็กก็จะมีเซลล์สมองเกือบจะสมบูรณ์เหมือนกับวัยผู้ใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งได้ประมาณไว้ว่าเมื่อเด็กอายุได้ 2 - 3 ขวบ สมองของเขาจะมีขนาดประมาณ 80% ของผู้ใหญ่แ ต่เป็นธรรมดาที่เมื่อสมองมีการเจริญเติบโตแล้วก็ต้องมีเวลาที่สมองนั้นจะเข้าสู่ภาวะที่เสื่อมถอย ซึ่งจากงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ทิโมธี ซอล์ตเฮาส์ จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าสมองมนุษย์จะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 27 ปี หลังจากพัฒนาถึงจุดสูงสุดเมื่ออายุ 22 ปี ดังนั้น คนเราจึงเกิดความวิตก และพยายามหาวิธีการต่าง ๆ นานามาช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง วันนี้ผู้เขียนจึงขอหยิบยกวิธีป้องกันสมองไม่ให้เสื่อมก่อนวัยอันควรมานำเสนอ ดังนี้
  1. อาหารบำรุงสมอง  ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์ทางเลือกหลายคนให้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องอาหารบำรุงสมองไว้หลายอย่าง เช่น ผัก ผลไม้ น้ำมันปลา เนื้อปลา และควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 - 5 ลิตร เพราะการดื่มน้ำน้อยจะทำให้ร่างกายขาดน้ำซึ่งจะส่งผลต่อสมองโดยทำให้สมองทำงานเฉื่อยช้าลง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่และสารเสพติดต่าง ๆ เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการทำลายสมองให้เสื่อมเร็วมากขึ้น
  2. การออกกำลังช่วยให้สมองแข็งแรง   การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายแข็งแรงแล้วยังเปรียบเหมือนยาขนานเอกในการบำรุงสมองอีกด้วย การส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกาย เช่น เดิน วิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ จะมีผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก    ดร.ชาร์ล ฮิลแมน และคณะแห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ได้ทำการทดลองโดยให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาจำนวน 259 คน ออกกำลังกายแล้วตรวจสอบว่าความแข็งแรงของร่างกายมีความสัมพันธ์กับผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์และวิชาอ่านอังกฤษหรือไม่ ปรากฏว่า เด็กนักเรียนที่มีร่างกายแข็งแรงมีคะแนนดี ดังนั้น ความแข็งแรงของร่างกายจึงสัมพันธ์กับสมองที่ฉลาดขึ้น    นอกจากนี้มีการทดลองกับผู้สูงอายุวัย 60-70 ปีโดยการสแกนสมองพบว่าการออกกำลังกาย เช่นเดินเร็วหรือแอโรบิคสามารถเสริมสร้างสมองส่วนหน้า (frontal lobe) ให้มีปริมาตรมากขึ้น จึงทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น จึงส่งผลดีในเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจ การบริหารจัดการ การวางแผน การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมถึงสามารถตอบคำถามถูกต้องมากขึ้นและเร็วขึ้นด้วย
  3. พักผ่อนให้สมองผ่อนคลาย  เวลาที่เราเกิดความเครียดจะทำให้เกิดฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายคนเราคือฮอร์โมนเครียดชื่อคอร์ติซอล ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายโดยเฉพาะสมอง มีผลทำให้ระบบความคิดของสมองตีบตัน และความจำเสื่อมได้ ดังนั้นถ้าเราต้องพบกับเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียน เรื่องการงาน ปัญหาครอบครัวหรือปัญหาใดก็ตามแต่ สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือ เราต้องหาเวลาส่วนตัวในการพักผ่อนเพื่อให้สมองได้รับการผ่อนคลาย เช่น การนอนอยู่กับบ้าน การไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ การได้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ป่าเขาลำเนาไพร หรือการไปดูหนังฟังเพลง จะทำให้สมองมีความสุขได้รับการผ่อนคลาย เมื่อสมองผ่อนคลาย ร่างกายก็จะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีอารมณ์เบิกบาน มีความสุขและส่งผลให้สมองแจ่มใส พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี
  4. ให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ  การทำสิ่งที่จำเจซ้ำซากอยู่ทุกวันทุกคืน มีผลทำให้สมองฝ่อเร็ว แต่การเปิดโอกาสให้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะเป็นการช่วยฝึกให้สมองได้ออกกำลัง เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการขับรถใหม่ การอ่านหนังสือเล่มใหม่ การไปยังสถานที่แปลกใหม่ การทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น ไปเรียนดนตรี ไปเรียนจัดดอกไม้ ไปเรียนทำขนม เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สมองจะหลั่งสารโดปามีน และสารเอ็นโดฟิน ซึ่งทำให้สมองเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ทำให้สมองแข็งแรงและเสื่อมช้าลง
  5. เซ็กซ์สร้างความสดชื่นให้สมอง  เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่สร้างความตื่นเต้นและความสุขให้แก่คู่รัก มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าเซ็กซ์ในผู้สูงอายุช่วยกระตุ้นให้สมองเสื่อมช้าลง ดังนั้น การมีเซ็กซ์ที่ดีกับคู่รักหรือคู่สมรสนับเป็นกิจกรรมที่เป็นการออกกำลังสมองได้ดีมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างสุข ท้าทาย ตื่นเต้น ใช้จินตนาการและมีการเคลื่อนไหวของทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งทำให้วงจรของสมองทุกระบบมีการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้และเรียนรู้ได้ดี นอกจากนี้การที่คู่รักปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางเพศให้มีความแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ เช่น สร้างบรรยากาศด้วยการเปิดเพลง การนวดสัมผัสกันด้วยน้ำหอม การเปลี่ยนสถานที่มีเซ็กซ์ ก็จะสร้างความสุขได้มากขึ้นด้วย
ทุกข้อทุกประการที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีง่าย ๆ ที่เชื่อว่าสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สมองของเราเสื่อมก่อนวัยอันควร ดูแลสมองของเราวันละนิดรับรองว่าจะช่วยยืดเวลาแห่งความสุขของเราไปได้อีกยาวนาน

ที่มา : http://www.manager.co.th/
update : 11 พ.ค. 2554