- Claviclel - ไหปลาร้า
- Humerus - กระดูกต้นแขน
- Sternum - กระดูกหน้าอก
- Rib - กระดูกซี่โครง
- Radius - กระดูกแขนด้านนอก
- Ulna - กระดูกแขนด้านใน
- Femur - กระดูกต้นขา
- Patella - สะบ้า
- Skull - กระโหลกศีรษะ
- Scapula - กระดูกสะบัก
- Thoracic Vertebrae - กระดูกสันหลัง
- LLium - กระดูกสะโพก
- Sacrum - กระดูกเชิงกราน
- Tibia - กระดูกหน้าแข้ง
- Fibula - กระดูกน่อง
ระบบโครงกระดูกประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
- กระดูกอ่อน (Cartilage) ทำหน้าที่รองรับส่วนที่อ่อนนุ่มของร่างกาย เพื่อที่จะทำให้การเคลื่อนไหวได้สะดวก ป้องกันการเสียดสี เนื่องจากผิวของกระดูกอ่อนเรียบ จึงพบว่ากระดูกอ่อนจะอยู่ที่ปลายหรือหัวกระดูกที่ประกอบเป็นข้อต่อต่าง ๆ และยังเป็นต้นกำเนิดของกระดูกแข็งทัวร่างกาย
- ข้อต่อ (Joints) คือส่วนต่อระหว่างกระดูกตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปมาต่อกัน เพื่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- เอ็น (Tendon) มีทั้งที่เป็นเอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นยึดข้อ (Ligament) เป็นเนื้อเยื่อที่มีความแข็งแรงมาก มีลักษณะเป็นเส้นใยเหนียว ช่วยยึดกระดูกกับกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน
- กระดูก (Bone) เป็นส่วนที่แข็งที่สุด โครงกระดูกในผู้ใหญ่ ประกอบด้วยกระดูกจำนวน 206 ชิ้น ส่วนในทารกแรกเกิดจะมีกระดูกถึง 300 ชิ้นเพราะกระดูกอ่อนยังไม่ติดกัน
หน้าที่ของระบบโครงกระดูก มีดังนี้
- เป็นโครงร่าง ทำให้คนเราคงรูปร่างอยู่ได้ จัดเป็นหน้าที่สำคัญที่สุด
- เป็นส่วนที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อลาย เอ็น รวมทั้งพังผืด
- เป็นโครงห่อหุ้มป้องกันอวัยวะภายในไม่ให้เป็นอันตราย เช่น กะโหลกศีรษะป้องกันสมอง กระดูกสันหลังป้องกันไขสันหลัง
- ภายในกระดูกจะมีไขกระดูก (Bone Marrow) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตเม็ดเลือดแดง เป็นที่เก็บสะสมแคลเซี่ยมภายในร่างกาย ป้องกันหลอดเลือดและเส้นประสาทที่ทอดอยู่ตามแนวของกระดูก
- กระดูกบางชิ้นยังช่วยในการนำคลื่นเสียงช่วยในการได้ยิน ได้แก่ กระดูกค้อน ทั่ง และโกลน ซึ่งอยู่ในหูตอนกลาง ทำหน้าที่นำคลื่นเสียงผ่านไปยังหูตอนใน