วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ทำไมยาบางชนิดต้องกินก่อนนอน บางชนิดกินหลังอาหาร ?
การที่จะทราบว่าการกินยาก่อนอาหาร หรือหลังอาหารสำคัญอย่างไรนั้น เราต้องทราบก่อนว่าขั้นตอนที่ยาจะไปออกฤทธิ์นั้นเป็นอย่างอย่างไร
เวลาเรากินยาเข้าไป ถ้าเป็นยาเม็ด หรือแคปซูล ยานั้นจะแตกออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ก่อน แล้วละลายในน้ำ ซึ่งอยู่ในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร หลังจากนั้นก็จะถูกูดซึมเข้าผนังทางเดินอาหาร เข้าสู่กระแสเลือดไปยังสส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อไป แต่ถ้าเป็นยาน้ำ ขบวนการนี้ก็จะเร็วขึ้น ยาจะออกฤทธิ์เมื่อเข้าไปอยู่ในกระแสเลือดแล้ว และต้องมีปริมาณสูงพอด้วย อาหหารบางย่างมีผลต่อการดูดซึมของยา ยาบางตัวก็มีผลต่อกระเพาะอาหาร เช่น ทำให้เกิดระคายเคือง ดังนั้น การกินยาก่อนหรือหลังอาหาร จึงมีความสำคัญขึ้นกับว่าต้องการผลของยาในแง่ใด ปกติ เมื่อกระเพาะมีอาหารอยู่เต็ม ยาจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้น้อยกว่า และใช้เวลามากกว่าเมื่อกระเพาะว่าง
จากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าเรากินยาก่อนอาหารทันทีม หลังอาหารทันที หรือกินยาพร้อมอาหาร จะมีความหมายแทบไม่แตกต่างกัน ซึ่งถือว่ากินยาในห้วงเวลาที่กระเพาะอาหารไม่ว่างเหมือนกัน ดังนั้น เราจะกำหนดเวลาไปด้วยว่ากินก่อนอาการ หรือหลังอาหารนานเท่าใด จึงจะได้ผลตามที่ต้องการ จะขอแบ่งวิธีการกินยา ประกอบเหตุผล พอเป็นสังเขป ดังนี้
กินก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง
เพราะเราต้องการให้ได้รับยาขณะท้องว่าง เพื่อให้ยาดูดซึมได้ดีที่สุด ยาพวกที่ต้องกินแบบนี้ ได้แก่ แอมพิซิลลิน, ไรแฟมพิซิล เพนนิซิลลิน, เป็นต้น บางที่เราต้องการให้ยาออกฤทธิ์ก่อนอาหารตกถึงกระเพาะ (จะกินก่อนอาหารนานเท่าใดขึ้นกับเวลาตั้งแต่เริ่มกิน จนถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์ ซึ่งยาแต่ละตัวจะแตกต่างกันบ้าง) เช่น ยาที่ลดการเกร็ง หรือบีบตัวของกระเพาะและทางเดินอาหาร คนที่เป็นโรคกระเพาะนั้นมักจะปวดท้อง เมื่ออาหารตกไปถึงกระเพาะ เพราะอาหารเป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะลำไส้บีบตัวมากขึ้น จึงต้องให้ยาออกฤทธิ์ ลดการบีบตัวของกระเพาะลำไส้ โดยกินยาก่อนอาหาร ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาออกฤทธิ์พอดีเวลาอาหาร ซึ่งจะบรรเทาอาการปวดท้องได้ ยังมียาที่กระตุ้นให้เกิด
การอาหาร ก็ต้องกินก่อนอาหาร ประมาร 1/2 ชั่วโมง พอยาออกฤทธิ์ จะกินอาหารได้มากขุึ้น
กินหลังอาหารทันที่ = กินก่อนอาหารทันที = กินพร้อมอาหาร ยาบางตัวหากกินตอนท้องว่างจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารมาก ทำให้คลื่นไส้อาเจียน แต่ถ้ากินพร้อมอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองได้ ยาพวกนี้ได้แก่ ยาแก้ปวดชนิดต่าง ๆ เช่น แอสไพริน, ย่แกเปสดข้อ เช่น เพนนิลบิวทาโซน, ไอบูโปรเฟน, อินโดเมดทาซิน เป็นต้น นอกจากกินพร้อมอาหารแล้ว ยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น แอสไพริน การกินน้ำตามมาก ๆ เพื่อไปเจือจาง หรือลดความเป็นกรดให้น้อยลง ก็ช่วยลดการระคายเคืองได้
กินยาหลังอาหาร 1 ชั่วโมง
ยาบางชนิดจะออกฤทธิ์นาน เมื่อกินหลังอาหาร เช่น ยาลดกรด ซึ่งมีผู้ทดลองได้ผลว่า ถ้าให้ยาในขณะที่ท้องว่างยาจะออกฤทธิ์นาน ประมาณ 30 นาที แต่ถ้าให้ยาหลังอาหาร 1 ชั่วโมง ยาจะออกฤทธิ์นาน 4 ชั่วโมง ดังนั้น จึงกำหนดให้กินหลังอาหาร 1 ชั่วโมง ไหน ๆ ก็พูดถึงยาก่อนอาหาร, ลังอาหาร, พร้อมอาหารแล้ว ขอพูดถึงยากินก่อนนอนสักเล็กน้อย ยาบางชนิดกินแล้วทำให้ง่วงมึนงง เช่น ยาคลายกังวล, ยาแก้แพ้ซึ่งเป็นส่วนผสมของยาแก้หวัด ลดน้ำมูก จึงควรกินก่อนนอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ปลอดภัยในขณะทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือขับรถในเวลากลางวันแล้ว ยังทำให้หลับได้อย่างสบสยในเวลากลางคืนอีกด้วย
จึงขอสรุปได้ว่า จะกินยาก่อนอาหาร หรือหลังอาหาร ขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการให้ยานั้น ๆ ออกฤทธิ์ให้ได้ผลมากที่สุด มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ส่วนจะก่อน - หลังนานเท่าใดนั้น ขึ้นกับเวลาตั้งแต่เริ่มกินยาจนถึงเวลาที่ยาดูดซึมเข้าผนังทางเดินอาหารหมด หรือาจเลยไปถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์ แล้วแต่ว่าเราต้องการผลอันไหน
คงจะเห็นแล้วว่า เวลากินยาก่อน หรือหลังอาหารมีความสำคัญเพียงใด ดังนั้น เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ผู้ป่วยควรกินยาตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ผลดีก็จะตกอยู่กับตัวของผู้ป่วยเอง
ที่มา : http://www.manager.co.th/
ภาพ : http//www.yaandyou.net
update : 15/02/2554